คีย์เวิร์ด Google Ads คืออะไร? อธิบายละเอียดสำหรับมือใหม่

คีย์เวิร์ดใน Google Ads คือหัวใจสำคัญของทุกแคมเปญโฆษณา หากคุณเพิ่งเริ่มต้นใช้งาน Google Ads การเข้าใจคีย์เวิร์ดอย่างถ่องแท้เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับคีย์เวิร์ด Google Ads วิธีการทำงาน และเหตุผลที่สำคัญต่อความสำเร็จของแคมเปญ

เมื่อพูดถึง Google Ads คนส่วนใหญ่มักนึกถึงโฆษณาแบบ Search เมื่อคุณค้นหาบน Google โฆษณาที่ปรากฏอยู่ด้านบนของผลการค้นหาจะมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับสิ่งที่คุณค้นหา นั่นคือหัวใจหลักของ Google Ads ตัวอย่างเช่น หากคุณค้นหา “ทนายความในกรุงเทพ” ผลลัพธ์แรกๆ ที่มีคำว่า “โฆษณา” อยู่ข้างๆ ก็คือโฆษณา Google Ads

คีย์เวิร์ดคือข้อมูลที่คุณให้กับ Google เพื่อระบุว่าคุณต้องการให้โฆษณาของคุณแสดงเมื่อมีคนค้นหาคีย์เวิร์ดนั้นหรือคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง กล่าวอีกนัยหนึ่ง คุณกำลังบอก Google ว่า “ฉันต้องการเข้าร่วมการประมูลโฆษณาเมื่อผู้ใช้ค้นหาคีย์เวิร์ดนี้ และฉันต้องการให้โฆษณาของฉันมีโอกาสแสดง เพราะฉันเชื่อว่าผู้ที่ค้นหาคีย์เวิร์ดนี้มีแนวโน้มที่จะคลิกโฆษณาและเข้าชมเว็บไซต์ของฉัน”

คีย์เวิร์ดต่างจาก Search Term อย่างไร

แม้ว่าจะดูเหมือนกัน แต่คีย์เวิร์ดและ Search Term นั้นแตกต่างกัน คีย์เวิร์ดคือสิ่งที่คุณป้อนลงใน Google Ads ในขณะที่ Search Term คือสิ่งที่ผู้ใช้พิมพ์ลงใน Google จริงๆ เมื่อคุณป้อนคีย์เวิร์ด “ทนายความในกรุงเทพ” โฆษณาของคุณอาจแสดงสำหรับ Search Term ที่เกี่ยวข้อง เช่น “ทนายความที่ดินในกรุงเทพ” “ทนายความหย่าในกรุงเทพ” หรือ “หาทนายความเก่งๆ ในกรุงเทพ”

ประเภทของ Keyword Matching

Google Ads มี Keyword Matching อยู่ 3 ประเภท เพื่อควบคุมระดับความเกี่ยวข้องระหว่างคีย์เวิร์ดและ Search Term:

  • Broad Match: Google มีความยืดหยุ่นมากที่สุดในการแสดงโฆษณาของคุณสำหรับ Search Term ที่หลากหลาย ซึ่ง Google คิดว่าเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดของคุณ
  • Phrase Match: โฆษณาของคุณจะแสดงเมื่อ Search Term ประกอบด้วยคีย์เวิร์ดของคุณทั้งหมดตามลำดับที่ถูกต้อง อาจมีคำอื่นๆ เพิ่มเติมก่อนหรือหลัง ตัวอย่างเช่น คีย์เวิร์ด “บริการบัญชี” จะตรงกับ Search Term “บริการบัญชีที่ดีที่สุด”
  • Exact Match: โฆษณาของคุณจะแสดงเฉพาะเมื่อ Search Term ตรงหรือใกล้เคียงกับคีย์เวิร์ดของคุณเท่านั้น

Negative Keywords

Negative Keywords ช่วยให้คุณป้องกันไม่ให้โฆษณาแสดงสำหรับ Search Term ที่ไม่ต้องการ ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นทนายความเฉพาะทางด้านแพ่ง คุณสามารถเพิ่ม Negative Keyword “อาญา” เพื่อหลีกเลี่ยงการสิ้นเปลืองงบประมาณกับผู้ที่ค้นหาทนายความอาญา

Search Term Report

Search Term Report ใน Google Ads จะแสดงให้คุณเห็นว่า Search Term ใดที่ทำให้โฆษณาของคุณแสดง คุณควรตรวจสอบรายงานนี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อระบุ Search Term ที่ไม่เกี่ยวข้องและเพิ่มลงในรายการ Negative Keywords

สรุป

การเข้าใจคีย์เวิร์ด ประเภทของ Keyword Matching และ Negative Keywords เป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ Google Ads ของคุณ การใช้ Keyword Matching ที่ถูกต้องและการอัปเดตรายการ Negative Keywords อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าโฆษณาของคุณแสดงต่อกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญและประหยัดงบประมาณ เริ่มต้นปรับแต่งคีย์เวิร์ดของคุณวันนี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับแคมเปญ Google Ads!

Leave a Comment