โฆษณา Facebook มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้นทุนโฆษณาสูงขึ้น บทความนี้จะแนะนำวิธีค้นหากลุ่มเป้าหมายโฆษณาที่มีการแข่งขันต่ำลงบน Facebook ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนและให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
เหตุผลที่ต้องค้นหากลุ่มเป้าหมายที่มีการแข่งขันต่ำ:
ต้นทุนโฆษณา Facebook ถูกกำหนดโดยการประมูล คุณกำลังแข่งขันกับผู้ลงโฆษณาอื่นๆ เพื่อแสดงโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย แม้ว่าผู้ใช้ Facebook และ Instagram จะมีจำนวนมาก แต่ความต้องการโฆษณาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่งผลให้ต้นทุนโฆษณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มเป้าหมายบางกลุ่ม เพิ่มขึ้นอย่างมาก การที่ Facebook ลดตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายลงยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
เครื่องมือ “Inspect” ในตัวจัดการโฆษณา:
ในการค้นหากลุ่มเป้าหมายที่มีการแข่งขันต่ำ ให้ใช้เครื่องมือ “Inspect” ในตัวจัดการโฆษณา Facebook เครื่องมือนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับระดับการแข่งขันในการประมูล (Auction Competition)
- วิธีใช้: ในตัวจัดการโฆษณา เลือกแคมเปญและกลุ่มโฆษณาที่ต้องการตรวจสอบ คลิกที่ “Ad Sets” -> เลือกกลุ่มโฆษณา -> คลิก “Inspect”.
- วิเคราะห์ข้อมูล: ในส่วน “Auction Competition” คุณจะเห็นกราฟเส้นแสดงระดับการแข่งขัน เส้นที่ระดับ 0% หมายถึงการแข่งขันระดับปานกลาง ค่าบวก (+) แสดงว่าการแข่งขันสูงกว่าค่าเฉลี่ย และค่าลบ (-) แสดงว่าการแข่งขันต่ำกว่าค่าเฉลี่ย Meta ระบุเกณฑ์อ้างอิง: 20 คือการแข่งขันสูง และ -20 คือการแข่งขันต่ำ
วิธีค้นหากลุ่มเป้าหมายที่มีการแข่งขันต่ำ:
- สร้างกลุ่มโฆษณาหลายกลุ่ม: สร้างกลุ่มโฆษณาหลายกลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มกำหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน
- ติดตามระดับการแข่งขัน: ใช้เครื่องมือ “Inspect” เพื่อติดตามระดับการแข่งขันของแต่ละกลุ่มโฆษณา
- วิเคราะห์และปรับเปลี่ยน: พิจารณาจากข้อมูล “Auction Competition” และต้นทุนต่อการแปลง (Cost per Conversion) ให้ระบุกลุ่มโฆษณาที่มีประสิทธิภาพด้านต้นทุนที่ดีที่สุด เลือกกลุ่มโฆษณาที่มีการแข่งขันต่ำและต้นทุนต่อการแปลงต่ำ
หมายเหตุ:
- เครื่องมือ “Inspect” จะทำงานเฉพาะกับกลุ่มโฆษณาที่ทำงานอยู่แล้ว คุณไม่สามารถคาดการณ์ระดับการแข่งขันก่อนที่จะเริ่มโฆษณาได้
- ระดับการแข่งขันเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาและประเภทธุรกิจ
- ควรรวมข้อมูล “Auction Competition” เข้ากับต้นทุนต่อการแปลง เพื่อตัดสินใจอย่างเหมาะสมที่สุด ต้นทุนต่อผลลัพธ์การแปลง (เช่น การซื้อ การลงทะเบียน) ยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด
- นอกจาก “Auction Competition” ให้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลอื่นๆ ใน “Inspect” เช่น “Audience Saturation” (ความอิ่มตัวของกลุ่มเป้าหมาย) และ “Auction Overlap” (ระดับการทับซ้อนของการประมูล) เพื่อทำความเข้าใจประสิทธิภาพของโฆษณาให้ดียิ่งขึ้น
สรุป:
การค้นหากลุ่มเป้าหมายโฆษณาที่มีการแข่งขันต่ำเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนและประสิทธิผลของโฆษณา Facebook ด้วยการใช้เครื่องมือ “Inspect” และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างชาญฉลาด คุณสามารถกำหนดเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุน และเพิ่มผลกำไรให้กับแคมเปญโฆษณาของคุณ